สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้น 0.3% แตะที่ 1.3265 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินเยนร่วงลง 0.2% แตะที่ 85.83 เยนต่อดอลลาร์ เมื่อเวลา 07.14 น.ตามเวลานิวยอร์กในวันนี้ โดยสกุลเงินยูโรได้รับแรงหนุนหลังจากรายงานที่ว่าดัชนีความเชื่อมั่น ผู้บริโภคฝรั่งเศสปรับตัวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยูโรยังได้รับแรงหนุนหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของ อิตาลี (Istat) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจการผลิตของอิตาลีในเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้นสู่ ระดับ 88.9 จาก 88.5 ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน ส่วนเงินเยนร่วงลงหลังจากนายชินโสะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นยืนยันว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาเงินเยนแข็งค่าและภาวะ เงินฝืดที่เรื้อรังเป็นอันดับแรก นอกจากนี้ รัฐบาลจะจัดทำงบประมาณพิเศษที่มีขนาดใหญ่และมีประสิทธิภาพสำหรับปีงบ ประมาณที่จะสิ้นสุดในเดือนมีนาคม เพื่อที่จะได้มีเงินไปใช้ในการดำเนินมาตรการนโยบายสำหรับแก้ ปัญหาต่างๆ ขณะที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงกดดันหลังจากนายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ คาดว่าหนี้สินของรัฐบาลสหรัฐจะเพิ่มขึ้นถึงระดับ 16.4 ล้านล้านดอลลาร์ในวันที่ 31 ธ.ค. ซึ่งเป็นเพดานสูงสุดที่รัฐบาลกลางกำหนดไว้ นอกจากนี้ สกุลเงินดอลลาร์ยังได้รับปัจจัยลบจากความกังวลที่ว่า หากประธานาธิบดีบารัค โอบามา และสภาคองเกรส ประสบความล้มเหลวในการเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลังก่อน สิ้นปีนี้ มาตรการลดการใช้จ่ายและการขึ้นภาษีวงเงินรวม 6 แสนล้านดอลลาร์จะมีผลบังคับใช้พร้อมกันโดยอัตโนมัติในวันที่ 1 ม.ค.ปีหน้า ซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยได้